เคล็ดลับการตลาด

สร้างกลุ่มลูกค้า เพื่อทำให้คนรู้จักแบรนด์

ในโลกดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงนี้ ลองนึกภาพว่ามีลูกค้าที่เลือกที่จะโต้ตอบกับแบรนด์ของคุณมากกว่าการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ พวกเขาไม่เพียง แต่มีส่วนร่วมกับเนื้อหาของคุณ แต่ยังเชื่อมต่อกับแบรนด์ของคุณในระดับบุคคลและเป็นส่วนตัว ลูกค้าของคุณมีโอกาสการซื้อมากกว่าหนึ่งรอบ ไม่ว่าจะเป็นทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และแพลตฟอร์มอื่นๆ นี่ไม่ใช่เพียงเพราะความแข็งแกร่งของเนื้อหาแบรนด์ของคุณ แต่ยังเป็นสัญญาณของชุมชนแบรนด์ที่ภักดีอีกด้วย ฐานลูกค้าหรือ Brand community คืออะไร หากพูดถึงกลุ่มหรือฐานลูกค้า หลายคนคงจะนึกถึงแฟนเพจหรือ Instagram ของบริษัทแต่ฐานลูกค้าในบทความนี้เราจะเจาะลึกไปมากกว่านั้น ชุมชนของแบรนด์ในบทความนี้จะหมายถึงกลุ่มบนเฟสบุ๊คหรือคลับบน Clubhouse “สถานที่” ซึ่งแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความรู้ อุดมคติต่างๆ ทั้งในเรื่องของสินค้าและการใช้ชีวิต ราวกับว่าแบรนด์ของเราและลูกค้าเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน  เราเป็นผลิตสินค้าสิ่งทอและ OEM ตามแบบที่ลูกค้าต้องการบ่อยครั้งเรามักจะพบกับคำถามที่ต้องการการชี้แนะ เช่นหากต้องการผลิตหมอนรองคอเพื่อใช้สำหรับการทำงาน Work From Home ควรจะเลือกเนื้อผ้าแบบไหนดี คำถามเหล่านี้ไม่มีถูกหรือผิดแต่มักจะเป็นคำถามที่ผู้ถามต้องการ ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญให้ค่อยๆอธิบายว่าวัตถุดิบแต่ละแบบมีจุดเด่นแบบไหน และสุดท้ายเมื่อลูกค้าทราบรายละเอียดทั้งหมดแล้วมักจะเป็นผู้ตัดสินใจอย่างมั่นใจ การที่แบรนด์มี Community สำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ พนักงานของแบรนด์นั้นไม่จำเป็นจำต้องคอยเป็นผู้ตอบคำถามเสมอ และเช่นเดียวกันลูกค้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้ถามคำถามเสมอ ลูกค้าที่เคยใช้บริการอาจจะให้คำแนะนำกับผู้ที่เข้ามาใหม่ได้จากประสบการณ์และแบรนด์เองก็อาจจะคอยสอบถามหรือทำบทวิจัยก่อนจะออกสินค้าบางชิ้นขึ้นมา ทำไมต้องลงทุนสร้าง คอมมูนิวตี้ Brand community การโฆษณาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะเข้าถึงและสื่อสารกับผู้บริโภคอีกต่อไป เนื่องจากสิ่งนี้จะสร้างความสัมพันธ์ในการขายสินค้าเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าลูกค้าของคุณจะตัดสินใจซื้อจากเพียงแค่ข้อเสนอ ส่วนลด และราคา โดยเบี่ยงเบนจากความภักดีของแบรนด์ที่คุณต้องการพัฒนาจริงๆ  การรักษา […]

“ตัวตนของแบรนด์” จำเป็นต้องมีด้วยหรือ ?

เกริ่นนำ ในโลกของทางเลือกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผลิตภัณฑ์และบริการต่างมีเอกลักษณ์น้อยลง แบรนด์จึงต้องหาวิธีใหม่ๆ ในการเชื่อมต่อกับผู้บริโภค คุณจะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบที่ไม่มีคู่แข่งมาแทนที่ และดึงดูดผู้คนให้ร่วมเดินทางไปกับธุรกิจของคุณได้อย่างไร บางคนอาจกล่าวว่าการบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม ผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า ความสะดวก ราคาที่ต่ำกว่า  หรือความพิเศษเฉพาะตัว แต่คุณจะทราบหรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่กำหนด ‘เอกลักษณ์ของแบรนด์’ หรือ ตัวตนของแบรนด์ ให้ลูกค้าประทับใจอยู่ตลอดเวลา การรับรู้ของผู้บริโภค ปัจจุบันนี้ผู้บริโภคไม่ได้เพียงแค่ซื้อสินค้าหรือบริการอีกต่อไป พวกเขาซื้อแบรนด์ พวกเขาเลือกที่จะเชื่อ ไว้วางใจ และให้คุณค่ากับแบรนด์ ดังนั้นจึงเกิดสิ่งที่เรียกว่าความภักดีต่อแบรนด์ การรับรู้ถึงความเหนือกว่าของแบรนด์ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสำเร็จ ของแบรนด์ เราขอยกตัวอย่างโควทจากคุณ L. Speisser กล่าวว่า “แบรนด์ที่ยอดเยี่ยมก็เหมือนเพื่อน – คุณพบพวกเขาจำนวนมากทุกวัน แต่คุณจำเฉพาะคนที่คุณรักจริงๆ เท่านั้น” ความแตกต่าง ธุรกิจจำนวนมากสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่าน Data การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การพัฒนาเชิงสินค้าแบบสร้างสรรค์ และกระบวนการจัดการ แต่อย่างไรก็ตามมีบางแบรนด์บางกลุ่มเพียงแค่ขายสินค้าหรือบริการและไม่มีจุดเด่นของแบรนด์ แต่กลับสร้างมันขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและประสบความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะทำเองหรือจ้างนักวางกลยุทธ์แบรนด์มาช่วย สิ่งสำคัญคือ ความแตกต่าง ความแตกต่างช่วยสร้างการรับรู้และประสบการณ์ที่ดีให้แก่แบรนด์ของคุณ รูปแบบการซื้อสินค้าหรือความประทับใจจากการซื้อสินค้า จะช่วยกำหนดรูปแบบการรับรู้ การรับรู้อาจเป็นไปในทางบวกหรือทางลบ ดังนั้นธุรกิจต่างๆ จึงต้องระมัดระวัง เนื่องจากต้องใช้เวลามากในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้เชิงลบให้เป็นบวก ลูกค้าที่มีความสุขจะแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขากับสังคมพวกเขา ส่งเสริมธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นในทางอ้อม สิ่งเหล่านี้ถือว่ามีค่าต่อแบรนด์อย่างมาก 

การตลาดแบบยั่งยืน(รักษ์โลก) สำคัญจริงมั้ย

การตลาดแบบ”ยั่งยืน”คืออะไร? ความยั่งยืนเป็นเรื่องเกี่ยวกับความต่อเนื่อง การนำพฤติกรรมและการปฏิบัติมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่าโลกนี้น่าอยู่ การผลิตสินค้าหรือบริการแต่ละอย่างจะต้องกระทบสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดเพื่อให้มนุษย์ยุคหลังๆ มีทรัพยากรเหลือใช้ในอนาคต ในทำนองเดียวกัน การตลาดที่ยั่งยืนเป็นเรื่องของการใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน โดยเลือกที่จะมองข้ามประโยชน์แบบระยะสั้นแต่เลือกที่จะเลือกความสำเร็จระยะยาวในอนาคต  ผู้บริโภคมองว่าแบรนด์ต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การตลาดที่ยั่งยืนไม่เพียงเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของคุณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาพลักษณ์และกลยุทธ์ของแบรนด์ของคุณด้วย ความรับผิดชอบต่อปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมกำลังกลายเป็นค่านิยมทั่วไปที่ลูกค้าส่วนใหญ่คาดหวังให้แบรนด์แสดงเช่นเดียวกับการ Call-Out การจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมในแบรนด์ของคุณ และการค้นหาทางเลือกที่ยั่งยืนเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความสนใจให้กับผู้คน ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นมานานและสั่งสมอยู่เรื่อยๆ ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามฤดูกาลเหมือนกับการแข่งขันธุรกิจ แต่หากแบรนด์นั้นมีส่วนที่จะช่วยในการแบ่งเบาหรือแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ผู้คนในสังคมมักจะชื่นชมและยินดีที่จะเป็นลูกค้าของแบรนด์นั้นได้อย่างง่ายดาย ตั้งเป้าหมายตั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมาย การตั้งเป้าหมายที่มีรายละเอียดว่าคุณต้องการให้แบรนด์ของคุณทำอะไรให้สำเร็จ แสดงว่าคุณกำลังเริ่มที่จะสื่อสารความจริงใจและความถูกต้องให้กับลูกค้าของคุณ ในขณะเดียวกันก็รักษาตัวเองให้มีความรับผิดชอบ ซึ่งหมายถึงการซื่อสัตย์กับสิ่งที่ธุรกิจของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อาจต้องยอมสูญเสียบางอย่างในระยะสั้นเพื่อนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนแบบใหม่มาใช้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะนำไปสู่การได้รับผลประโยชน์ในระยะยาว (เช่น การเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล 100%) กลยุทธ์สร้างกลยุทธ์การตลาดระยะยาว การตลาดที่ยั่งยืนสามารถส่งผลให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น การขายที่ประสบความสำเร็จ และลูกค้าที่ภักดีด้วยกลยุทธ์ระยะยาวที่ใช้ความคิดอย่างถี่ถ้วน กลยุทธ์การตลาดที่ยั่งยืนจะช่วยให้คุณมีเวลาในการสร้างธุรกิจและรักษายอดขายนี่คือสิ่งที่ Kevin Roberts อดีต CEO ของ Saatchi&Saatchi เรียกว่า ‘Lovemarks’ หรือ “ความภักดีเหนือเหตุผล” สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการก้าวข้ามการบริโภคเชิงรูปธรรม เพื่อสร้างไดนามิกทางอารมณ์(นามธรรม) ระหว่างผู้บริโภคและแบรนด์ ความสำเร็จระยะยาวสร้างขึ้นบนหลักการ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีส่วนลด คลิกเบต หรือข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ซ่อนอยู่ เหล่านี้คือเทคนิคระยะสั้นเหล่านี้ลดคุณค่าแบรนด์ของคุณและย่อมที่จะสูญเสียลูกค้าในระยะยาว หากคุณพร้อมให้แบรนด์ของคุณก้าวไปอีกขั้นและเริ่มต้นกลยุทธ์การตลาดที่ยั่งยืนเพื่อความสำเร็จในระยะยาว ติดต่อบริษัท อีโก้ แบ็ก